Superman : Man of Steel สื่อเรื่องราวเปรียบเทียบชีวิตพระเยซูโดยผู้กำกับแซ็ค สไนเดอร์ที่มีความคิดสร้างสรรค์
สำหรับใครชื่นชอบหนังแนวฮีโร่การดูหนังเรื่องซุปเปอร์แมนคงถือเป็นเรื่องปกติต่อให้ใครไม่ค่อยชอบดูหนังแนวนี้แต่ถ้าลองนึกถึงซุปเปอร์ฮีโร่คนแรกๆ ที่คุณรู้จักก็คงหนีไม่พ้นซุปเปอร์แมนอีกเช่นกัน จริงแล้วหนังแนวๆ นี้มีการทำออกมาให้ดูน่าสนใจหลากหลายมากแต่ความน่าสนใจสุดๆ ที่ทำเอาหลายคนเมื่อดูแล้วสัมผัสได้ว่านี่มันมากกว่าการเป็นซุปเปอร์ฮีโร่คือการเปรียบเทียบซุปเปอร์แมนกับพระเยซูเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจกับหนังเรื่อง Superman : Man of Steel ใครที่ยังไม่เคยดูอาจไม่เข้าใจแต่คนที่เคยดูแล้วจะสัมผัสได้ในลักษณะแบบเดียวกัน
Superman : Man of Steel เรื่องราวของฮีโร่เปรียบเทียบกับพระเยซูได้อย่างน่าสนใจ
ต้องย้อนความกลับไปก่อนว่าจริงแล้วหนังอย่างซุปเปอร์แมนเป็นหนังที่คนทั่วโลกรู้จักแต่จะเคยดูภาคไหนกันอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกของแต่ละคน กระนั้นสำหรับ Superman : Man of Steel คือการสร้างอีกภาคหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงมากจากคอหนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้เพราะนี่คือการยกเครื่องซุปเปอร์แมนใหม่ทั้งหมดภายใต้ความสามารถของผู้กำกับชั้นยอด 3 ราย ประกอบไปด้วย คริสโตเฟอร์ โนแลน, เดวิด โกเยอร์ และแซ็ค สไนเดอร์ สำหรับเรื่องราวของ Superman : Man of Steel พูดถึงการกำเนิดขึ้นมาของตัวซุปเปอร์แมนพร้อมด้วยภารกิจแรกของเขา โครงเรื่องมีการเล่าตั้งแต่ก่อนที่ Kal-EI จะถูกส่งลงมายังโลกพร้อมได้รับการเลี้ยงดูโดยครอบครัวตระกูล Kent แถบเมืองชนบทของแคนซัส พร้อมกันนี้ Kent ยังได้ชื่อใหม่ว่า Clark ตัวของ คลาร์กพยายามสืบหาเรื่องราวของตนเองว่ามีที่มาที่ไปยังไงกระทั่งเขาได้รับรู้ว่าตนเองคือใครและควรต้องอยู่บนโลกแบบไหน
นี่คือโครงเรื่องพื้นฐานที่เล่าให้ฟังแต่ความน่าสนใจของการแทรกความแหวกแนวเข้าไปคือในเรื่อง Superman : Man of Steel เราจะพบว่าจริงแล้วซุปเปอร์แมนมีความคล้ายกับตำนานของพระเยซูอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องชาติกำเนิดที่ทั้ง 2 ไม่ได้กำเนิดมาจากบนโลกแต่ถูกส่งมาจากเบื้องบน ทั้ง 2 ให้การช่วยเหลือมนุษย์ รับผิดบางอย่างแทนมนุษย์โดยพระเยซูยอมรับบาปแทนมนุษย์ส่วนซุปเปอร์แมนยอมถูกจับเพื่อให้มนุษย์ปลอดภัย ความน่าสนใจของเรื่องมีฉากหนึ่งที่คลาร์กเดินทางไปขอคำปรึกษากับบาทหลวงในโบสถ์ก่อนยอมเผยตัวตนพร้อมมอบตัวโดยคำแนะนำของบาทหลวงคือคลาร์กต้องมีศรัทธาต่อพระเจ้า นั่นหมายความอีกอย่างว่า ซุปเปอร์แมนคือบุตรของพระเยซูก็เป็นได้ นี่เป็นเรื่องราวที่ผู้กำกับพยายามจะผูกเรื่องให้ดูเข้ากันอย่างน่าสนใจรวมถึงยังทำให้รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าแค่การเป็นซุปเปอร์ฮีโร่